วันที่ 8 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมอาจารย์เลยยังไม่สอนอะไรมาก แต่ก็อธิบายบรรยายเกี่ยวกับเนื้อหาเล็กน้อย สื่อหมายถึงอะไร ความสำคัญและประโยชน์ของสื่อ ทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ประเภทของสื่อ การเลือกสื่อมาสอน การออกแบบสื่อ การสร้างสื่อจากวัสดุเหลือใช้ทำใหประหยัดงบประมาณแต่ต้องสะอาดและปลอดภัยสำหรับเด็ก
ประเมินตัวเอง
รู้สึกดีใจที่เปิดเทอม เพราะได้มาเจอเพื่อนๆ และอาจารย์หลังจากที่ปิดเทอมไป 3 เดือน วันนี้ก็ง่วงนอนนิดหน่อยแต่ก็พยายามตั้งใจเรียนและฟังที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆ ทุกคนดีใจที่เปิดเทอม บางคนก็ตั้งใจเรียนแต่บางคนก็มานอนหลับในห้องแต่อาจารย์ก็ไม่ว่าเพราะอาจารย์เป็นคนใจดี
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เป็นคนน่ารักเหมือนเดิมสอนเข้าใจง่ายดี ให้เกรดก็ดี ชอบเวลาอาจารยืสอนจะยกตัวอย่างมาให้ดูด้วย ทำให้เรียนเข้าใจง่ายคะ
ประเมินอาจารย์
วันนี้อาจารย์ก็สอนดีนะคะ แต่เนื้อหาเยอะไปหน่อยเลยทำให้ง่วงนอน แต่อาจารย์ก็พยายามหามุกมาเล่นบ้างทำให้ไม่ง่วงนอน ชอบคะสนุกดี
วันที่ 29 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์ให้จับกลุ่มกัน กลุ่มละ 5-6 คน เพื่อทำงานกลุ่มแล้วพรีเซ็น เรื่อง วิเคราะห์สื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย และกลุ่มของดิฉันก็เลือกสื่ คือ ลูกบอลหรรษา เป็นสื่อประเภทสร้างสรรค์ เหมากับเด็กอายุ 2-6 ปี เพราะลูกบอลสามมารถเล่นได้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง สามารถนำมาโยน เตะ หรืออื่นๆ ได้หลายวิธีแต่ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของผู้ปกครองและสถานที่ที่เหมาะสม
ข้อดีของลูกบอล คือ 1.ประหยัด 2. ปลอดภัย 3.หาซื้อได้ง่าย
ข้อจำกัด คือ 1.เล่นได้แค่บางสถานที่ 2.อาจจะไม่เหมาะกับเด็กเล็ก 3.ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลความปลอดภัย
ประโยชน์ของสื่อต่อพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ
1.ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่
2.ทำให้เด็กได้เล่นอย่างมีความสุข
3.ทำให้เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ และผู้ปกครอง
4.ทำให้เด็กได้ฝึกการคิด การจดจำและการวิเคราะห์
และสื่อสามารถนำไปต่อยอดการจัดประสบการณ์ได้หลายด้าน เช่น ทางด้านสังคม ด้านการเล่น การเรียนในวิชาต่างๆ
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมอาจารย์เลยยังไม่สอนอะไรมาก แต่ก็อธิบายบรรยายเกี่ยวกับเนื้อหาเล็กน้อย สื่อหมายถึงอะไร ความสำคัญและประโยชน์ของสื่อ ทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ประเภทของสื่อ การเลือกสื่อมาสอน การออกแบบสื่อ การสร้างสื่อจากวัสดุเหลือใช้ทำใหประหยัดงบประมาณแต่ต้องสะอาดและปลอดภัยสำหรับเด็ก
ประเมินตัวเอง
รู้สึกดีใจที่เปิดเทอม เพราะได้มาเจอเพื่อนๆ และอาจารย์หลังจากที่ปิดเทอมไป 3 เดือน วันนี้ก็ง่วงนอนนิดหน่อยแต่ก็พยายามตั้งใจเรียนและฟังที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆ ทุกคนดีใจที่เปิดเทอม บางคนก็ตั้งใจเรียนแต่บางคนก็มานอนหลับในห้องแต่อาจารย์ก็ไม่ว่าเพราะอาจารย์เป็นคนใจดี
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เป็นคนน่ารักเหมือนเดิมสอนเข้าใจง่ายดี ให้เกรดก็ดี ชอบเวลาอาจารยืสอนจะยกตัวอย่างมาให้ดูด้วย ทำให้เรียนเข้าใจง่ายคะ
วันศุกร์ ที่ 15 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2560
บทความ : ของเล่นกับการเรียนรู้
ของเล่นกับการเรียนรู้
|
ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา นักวิจัยทางสมองพยายามค้นคว้าว่าสิ่งแวดล้อมมีส่วนทำให้สิ่งมีชีวิตมีพฤติกรรมแตกต่างกันและเน้นถึงสิ่งแวดล้อมและการฝึกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสมอง โดยเฉพาะการเปลี่ยนโครงสร้างของสมอง เปลี่ยนสารเคมีในสมอง และเปลี่ยนการทำงานของสมอง
การทดลองมีขึ้นโดยนำหนูทดลองสามกลุ่มไปเลี้ยงไว้ในกรงที่มีสิ่งแวดล้อมต่างกัน หนูกลุ่มที่หนึ่งถูกนำไปเลี้ยงไว้ในกรงที่มีสิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้น มีของเล่นที่จะกระตุ้นการเห็นกล้ามเนื้อ ความฉลาด กลุ่มที่สองเลี้ยงในกรงมาตรฐานทั่วไป และกลุ่มที่สามค่อนข้างแยกออกมาอยู่ในกรงเล็กๆ ไม่มีสิ่งกระตุ้นเท่าที่ควร ผลปรากฎว่าหนูกลุ่มที่ได้การกระตุ้นน้ำหนักของสมองจะมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการกระตุ้นสมองที่เรียกว่า คอร์เท็กซ์ (Cortex) หรือพื้นผิวสมอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดูแลเกี่ยวกับการเรียนรู้และความฉลาดจะเพิ่มมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการกระตุ้นและที่สำคัญว่านั้นคือ หนูที่ได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของชีวิตจะมีเส้นใยประสาทที่ยาวมากและมีจำนวนมากขึ้นด้วย
นักวิจัยกลุ่มนี้ยังพบอีกว่าการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมสามารถที่จะกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงของจุดเชื่อมต่อของเส้นใยประสาทนี้ได้ ซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเรียนรู้ ปัจจุบันจึงเชื่อกันว่าพัฒนาการของสมองเป็นผลลัพธ์จากปฏิกิริยาระหว่างพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมนี้เองที่พบว่ามีผลต่อการพัฒนาสมองเด็กอย่างมาก
ของเล่นถือเป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่มีบทบาทในการกระตุ้นพัฒนาการสมองของเล่นนี้มีบทบาทควบคู่ไปกับการเล่นซึ่งเป็นพื้นฐานของความฉลาดชนิดสร้างสรรค์ การเล่นของเล่นแต่ละวัยจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับของเล่นก็จะต้องมีการเลือกสรรให้สอดคล้องตามวัยของเด็กด้วยเช่นเดียวกัน
ของเล่นนั้นสำคัญไฉน
ของเล่นมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับเด็กปฐมวัยคือ เด็กที่มีอายุในช่วง 0-6 ขวบ เนื่องจากวัยนี้เป็นวัยที่ต้องเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าผ่านการเล่น โดยของเล่นเข้ามามีอิทธิพลในฐานะเสมือนเป็น “ทุ่น” ของการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เกิดเป็นกระบวนการทางสมองในที่สุด
อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่ผ่านวัยเด็กมาเนิ่นนานจนหลงลืมความสนุกสนานจากการเล่นไปแล้ว แต่เด็กๆ จะเกิดความสุขจากการเล่นและได้เรียนรู้ผ่านการเล่นนั้น ความมุ่งมั่นอดทนต่อความยากลำบากในการเล่น การฝึกคิดแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเล่น ความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเล่นจนประสบความสำเร็จเหล่านี้คือสิ่งที่เด็กเรียนรู้ได้จากการเล่นนั่นเอง ดังนั้นการเล่นจึงไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการของเด็กทีเดียว
ยกตัวอย่างการเล่นง่ายๆ เช่น การเล่นหม้อข้าวหม้อแกง เด็กจะได้ประโยชน์จากการเล่นประเภทนี้อย่างมากมายชนิดที่ผู้ใหญ่อาจนึกไม่ถึง การจับตะหลิวผัดข้าวผัดได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมือ ฝึกการใช้สายตา การทอนเงิน เป็นการฝึกคิดเลข การต้อนรับเพื่อนซึ่งเป็นลูกค้าถือเป็นการฝึกการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น การผูกเรื่องราวเนื้อหาที่เล่นเป็นการบริหารจินตนาการอย่างหนึ่ง เหล่านี้เป็นต้น
เด็กที่มีคนเล่นด้วยจะรู้จักเล่นเป็น แต่เด็กที่ไม่เคยมีใครเล่นด้วยก็จะเล่นไม่เป็นและอาจจะเป็นเด็กที่มีปัญหาในอนาคตได้ โรงเรียนอนุบาลในบางประเทศ เช่น อิสราเอล เห็นประโยชน์มากมายจากการเล่นจึงจัดเวลาว่างไว้วันละอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้เด็กเล่นตามที่ต้องการ ขณะที่โรงเรียนในเมืองไทยจะหาเวลาว่างสัปดาห์ละหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้เด็กเล่นยังยากแสนยาก
มีงานวิจัยชี้ชัดว่า เด็กที่โตขึ้นกับการเล่นของเล่น และเด็กที่ไม่เคยเล่นของเล่นในวัยเด็กเลย จะมีพัฒนาการแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการปรับตัว วิธีคิดแก้ปัญหา ความอดทนต่อสิ่งต่างๆ เป็นต้น “เด็กที่ได้เล่นของเล่นจะแสดงออกได้ดีกว่า มีพัฒนาการทางภาษาเร็วกว่า และสามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ดีกว่า” กนิษฐา ชูขันธ์ หรือครูนุช แห่งโรงเรียนอนุบาลหนูน้อย ยืนยันจากประสบการณ์การเป็นครูอนุบาลของเธอ
การเล่นและพัฒนาการตามวัย
การเล่นของเด็กมีพัฒนาการที่แตกต่างกันไปตามด้วยวัย บางทฤษฎีแบ่งพัฒนาการของการเล่นของเด็กปฐมวัยได้ดังนี้ เด็กเล็กๆ จะเล่นแบบสำรวจ เช่น เขย่าของเล่นเพื่อให้เกิดเสียง หยิบสิ่งของเข้าปาก เด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป จะเล่นแบบมีสัญลักษณ์คือ เล่นแบบมีเรื่องราว มีการสมมติตัวเองเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ วัย 4 ขวบ จะเริ่มเล่นแบบสร้างสรรค์เห็นได้ชัดจากการนำไม้บล็อคมาต่อเป็นสิ่งต่างๆ วัยนี้จะเล่นแบบมีลักษณะของการแก้ปัญหามากขึ้น เป็นความคิดรวบยอดมากขึ้น ส่วนวัย 5-6 ขวบ จะเล่นแบบใช้จินตนาการซึ่งถือเป็นการเล่นชั้นสูงที่ระดมเอาทักษะทั้งหมดก่อนหน้านี้เข้าไว้ด้วยกัน
ขณะที่อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า การเล่นสามารถสะท้อนพัฒนาการของเด็กได้ว่าเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เพียงใดโดยที่เด็กปกติจะมีพัฒนาในการเล่นที่ต่างกันไป เด็กเล็ก 0-2 ขวบ จะยังไม่เล่นแต่จะมองคนอื่นเล่น วัยเตาะแตะจะเริ่มเล่นคนเดียว เด็กวัย 2-3 ขวบ จะเล่นแบบคู่ขนานคือ สามารถเล่นกับเด็กคนอื่นได้แต่จะไม่เล่นร่วมกัน วัย 4 ขวบ จะเล่นร่วมกับเพื่อนแต่จะไม่มีการแบ่งบทบาทการเล่น และไม่เกิดการสร้างเรื่องราวร่วมกัน ส่วนวัย 5-6 ขวบ จะเริ่มเล่นแบบร่วมมือกัน
การเลือกของเล่นให้เด็กจึงต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของพัฒนาการการเล่นในแต่ละวัยด้วย โดยเด็กแรกเกิดถึงขวบปีแรกประสาทสัมผัสทุกอย่างจะพัฒนาอย่างรวดเร็วของเล่นจึงต้องเป็นประเภทที่ตอบสนองต่อการเติบโตของประสาทสัมผัสนั้นๆ เด็กวัยเตาะแตะจะชอบของเล่นที่มีเสียงเช่น โทรศัพท์จำลอง ของเล่นบิดเกลียว วัย 3 ขวบ เด็กจะเริ่มมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นเริ่มสนใจสิ่งมีชีวิตมากขึ้น ของเล่นที่เป็นตัวสัตว์ ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กวัยนี้รวมถึงของเล่นประเภทก่อสร้างเช่น ไม้บล็อค หนังสือเองก็จะเข้ามามีอิทธิพลในขวบปีนี้เช่นเดียวกัน ย่างเข้าอายุ 4 ขวบ เด็กวัยนี้จะชอบของเล่นที่มีความซับซ้อนขึ้น เช่น ของเล่นแนววิทยาศาสตร์อย่างการเป่าฟองสบู่ เด็กวัย 5-6 ขวบ จะชอบของเล่นที่มีเครื่องยนต์กลไกหรือของเล่นที่เทคนิคพิเศษมากขึ้น เช่น ของเล่นที่มีมอเตอร์ เป็นต้น
เลือกของเล่นอย่างไรดี
พ่อแม่อาจเลือกซื้อของเล่นให้ลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด วิธีการเลือกซื้อก็ควรคำนึงถึงองค์ประกอบหลัก เช่น ความปลอดภัย ทั้งขนาดที่ไม่เล็กเกินไป กระทั่งเข้าปากได้หรือสีที่ต้องไม่ใช้สีที่เป็นอันตรายต่อเด็ก รวมถึงต้องดูความสอดคล้องกับพัฒนาการตามวัยของเด็กด้วย ตัวเลขอายุที่ระบุอยู่ข้างกล่อง อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยชี้แนะในการตัดสินใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครองได้
“อย่าซื้อของเล่นเผื่ออายุให้ลูก ความยากเกินไปจะทำให้เขาเบื่อและเลิกเล่นในที่สุด” ไพโรจน์ ระวิพงษ์ แห่งบริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ของเล่นภายใต้ชื่อ แปลน ทอยส์ ซึ่งเป็นบริษัทของเล่นของไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทผลิตของเล่นไม้ชั้นนำของโลกแนะนำการเลือกของเล่น
นอกจากนั้นแล้ว พ่อแม่ควรเลือกซื้อของเล่นที่ฝึกมิติการคิดที่หลากหลายให้กับลูก ไม่ควรเลือกซื้อของเล่นที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กถูกกระทำหรือเกิดการคิดทางเดียว เช่น เกมส์บางอย่างที่มีวิธีเล่นเบบตายตัวแต่ผู้ปกครองอาจจะหาของเล่นที่เรียกกันว่าของเล่นปลายเปิด เช่น ผ้าหลากสีหลายแบบที่เด็กจะสามารถสมมติให้เป็นอะไรก็ได้ มาให้ลองเล่นดูบ้างเป็นการเสริมสร้างจินตนาการ
ขณะเดียวกันความคิดที่ว่าเด็กผู้ชายต้องเล่นปืนหรือเด็กผู้หญิงต้องเล่นตุ๊กตาก็ไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องนัก หากแต่จะเป็นการปลูกฝังความคิดเรื่องความแตกต่างทางเพศให้กับเด็กโดยไม่รู้ตัวที่ถูกพ่อแม่ควรเลือกของเล่นที่เหมาะกับวัยของเด็กมากกว่า แม้บางตำราจะเชื่อว่าของเล่นที่มาจากวัสดุธรรมชาติจะทำให้จิตใจของเด็กอ่อนโยนละมุนละไมกว่าการเล่นของเล่นจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น พลาสติก แต่นักวิชาการด้านเด็กอย่าง ดร.วรนาท รักสกุลไทย แห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร กลับเห็นว่าการเปิดโอกาสให้เด็กสัมผัสกับวัสดุหลากหลายจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กในอนาคตมากกว่า “เราควรให้เด็กได้สัมผัสทุกอย่างเพราะนั่นคือชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงของเขา”
ที่สำคัญผู้ใหญ่เองก็จำเป็นต้องรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน การเข้าไปขัดจังหวะการเล่นของเด็กต้องเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อไม่เป็นการทำลายบรรยากาศการเล่นของเขา ผู้ใหญ่ส่วนมากมักห่วงว่าเด็กจะเล่นจนไม่เป็นอันทำอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะยัดเยียดเนื้อหามากมายเข้าไปในหัวสมองของเด็ก”ทำไมเล่นอย่างนั้น” “ทำไมไม่เล่นอย่างนี้” แต่ที่เหมาะกว่าน่าจะเป็นว่าผู้ใหญ่ควรปล่อยให้เด็กคิดริเริ่มการเล่นของเขาเอง ต้องให้เวลากับการเล่นนั้นอย่างต่อเนื่อง และเอ่ยคำชมเชยเมื่อเด็กประสบความสำเร็จในการเล่นของเขา
อย่างไรก็ตาม การให้ของเล่นแก่เด็กเพียงอย่างเดียวแต่ไม่เล่นกับเด็กก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก ผู้ใหญ่ควรจะต้องเล่นกับเด็กด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับของเล่นไม่สำคัญเท่ากับการโต้ตอบระหว่างพ่อแม่ลูก ซึ่งถือเป็นสิ่งแวดล้อมของเด็กที่มีชีวิตมีเลือดเนื้อ และเป็นการถ่ายทอดความรักความอบอุ่นในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย
ที่มา:http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=7852&Key=news_research
วันที่ 22 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2560
อาจารย์สอนเกี่ยวกับธรรมชาติของเด็กปฐมวัยมี 7 ข้อ 1.ลักษณะของการยึดตัวเองเป็นหลัก 2.มีความสามารถในขอบเขตจำกัดและแตกต่างกัน 3.ต้องการการเอาใจใส่ดูแลทั้งด้านร่างการและจิตใจเป็นอย่างยิ่ง 4.เป็นวัยที่ชอบอิสระ 5.ชอบแสดงออกและต้องการการยอมรับจากคนรอบข้าง 6.ชอบเล่น 7.มีความสนใจสั้น เด็กๆ มีธรรมชาติที่แตกต่างกัน และธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กมีดังนี้ 1.มีสิ่งเร้ามาเล่าผู้เรียน 2.ผู้เรียนรับรู้สิ่งเร้า 3.ผู้เรียนแปลความหมายของสิ่งเร้า 4.ผู้เรียนมีปฏิกิริกากับสิ่งเร้า ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย รูปแบบทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและเด็กจะเรียนรู้ได้เร็วถึงแม้จะเป็นคนละชาติก็ตาม กระบวนการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย การเรียนรู้ของคนเราเริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิจนตาย แต่สำหรับในวัยเด็กปฐมวัยอยู่ในช่วงวัยที่มีการพัฒนา อยากรู้อยากเห็นมากที่สุด 80% ของการเรียนรู้ตั้งแต่อายุ 0-6 ปี
วันนี้ตั้งใจเรียนมากคะ จดทุกตัวที่อาจารยืสอน แต่ก็แอบง่วงนอนนิดหน่อย
วันนี้เนื้อหาที่อาจารย์สอนเยอะไปหน่อนเห็นเพื่อนบางคนแอบหลับในคาบคะ แต่บางคนก็ตั้งใจเรียนเหมือนเดิม
|
ประเมินอาจารย์
วันนี้อาจารย์ก็สอนดีนะคะ แต่เนื้อหาเยอะไปหน่อยเลยทำให้ง่วงนอน แต่อาจารย์ก็พยายามหามุกมาเล่นบ้างทำให้ไม่ง่วงนอน ชอบคะสนุกดี
วันที่ 29 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์ให้จับกลุ่มกัน กลุ่มละ 5-6 คน เพื่อทำงานกลุ่มแล้วพรีเซ็น เรื่อง วิเคราะห์สื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย และกลุ่มของดิฉันก็เลือกสื่ คือ ลูกบอลหรรษา เป็นสื่อประเภทสร้างสรรค์ เหมากับเด็กอายุ 2-6 ปี เพราะลูกบอลสามมารถเล่นได้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง สามารถนำมาโยน เตะ หรืออื่นๆ ได้หลายวิธีแต่ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของผู้ปกครองและสถานที่ที่เหมาะสม
ข้อดีของลูกบอล คือ 1.ประหยัด 2. ปลอดภัย 3.หาซื้อได้ง่าย
ข้อจำกัด คือ 1.เล่นได้แค่บางสถานที่ 2.อาจจะไม่เหมาะกับเด็กเล็ก 3.ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลความปลอดภัย
ประโยชน์ของสื่อต่อพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ
1.ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่
2.ทำให้เด็กได้เล่นอย่างมีความสุข
3.ทำให้เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ และผู้ปกครอง
4.ทำให้เด็กได้ฝึกการคิด การจดจำและการวิเคราะห์
และสื่อสามารถนำไปต่อยอดการจัดประสบการณ์ได้หลายด้าน เช่น ทางด้านสังคม ด้านการเล่น การเรียนในวิชาต่างๆ
ประเมินตัวเอง
รู้สึกสนุกทีี่ได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และตื่นเต้นตอนไปพรีเซ้นงานหน้าห้อง
ประเมินเพื่อน
เพื่อนทุกคนช่วยกันทำงานกลุ่มของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด ทุกคนตั้งใจทำมาก
ประเมินอาจารย์
อาจารย์ก็คอยเดินตรวจดูผลงานแต่ละกลุ่มและนั่งฟังนักศึกษาพรีเซ็นงาน พอพรีเซ็นเสร็จอาจารย์ก็ให้คำปรึกษาและให้ความรู้ต่างๆ ต่อ
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับเกมหารศึกษา หมายถึง สื่อการเรียนที่จัดทำขึ้นเพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะต่างๆ จากการเล่รโดยมีกฏเกณฑ์ จะเป็นพื้นฐานการเตรียมความพร้อมโดยการเล่นที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะเกมบัตรภาพ แต่เป็นเกมหลายรูปแบบที่จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาได้แก่ ด้านภาษา คณิตศาสตร์ เหตุผล มิติสัมพันธ์ ประสาทสัมผัสการรับรู้และการจำ แล้วอาจารย์ก็อธิบายสื่อเกี่ยวกับการเล่น โดยอาจารย์จะให้แยกประเภทให้เหมาะสมกับอาย์ และวัยของเด็กแต่ช่วงให้เข้ากับเด็กได้และอาจารย์ก็บอกว่าวันที่ 12 กันยายน จะพาไปสึกษาพันธ์ที่ราชดำเนินเพื่อไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสื่อเด็กปฐมวัย แล้วตอนท้ายก็ให้เพื่อนอกมานำเสนอบทความ
ประเมินตัวเอง
วันนี้รู้สึกง่วงนอนในตอนแระแต่พออาจารยืสอนเกี่ยวกับเนื้อหาและบอว่าจะพาไปศึกษาพันธ์ก็หายง่วงและรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปศึกษานอกศถานที่
ประเมินเพื่อน
เพื่อนบางคนก็แอบนอนหลับในห้อง บางคนก็ตั้งใจฟังอาจารย์พูด บางคนก็เล่นมือถือและทุกคนตื่นเต้นที่จะได้ไปศึกาานอกห้องเรียนในอาทิตย์หน้า
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เป็นคนน่ารัก ชอบหามุกมาเล่นบ่อยๆ ทำให้ไม่เครียดในการเรียนจนเกินไปและมีความสุขดีคะ
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์พาไปศึกษาพันธ์ที่ราชดำเนิน ให้ไปศึกษาดูงานหาสื่อเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยที่นั้นและให้ตอบคำถาม 5 ข้อลงบล็อค
1.มารวมกันที่ใต้ตึกวิทยาศาสตร์
2.เดินไปขึ้นรถเมลืที่หน้ามหาวิทยาลัยแล้วลงทีี่ป้านรถไปฟ้าใต้ดิน
3.ขึ้นรถใต้ดินไปลงสถานีเพรชบุรีแล้วออกไปต่อเรือที่ท่าเรืออโศก
4.ขึ้นจากเรือที่ท่าเรือผ่านฟ้าแล้วเดินผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
5.ถึงศึกษาพันธ์ราชดำเนิน
6.เดินศึกษาดูงานและมาสรุปสื่อที่เห็น
7.เดินทางกลับบ้าน
ประเมินตัวเอง
วันนี้ไม่สบายด้วย ฝนกก็ตกต้องเดินตากฝนไปขึ้นเรือทั้งกลัวเรือแต่ก็สนุกเพราะได้ไปกับเพื่อนๆ และอาจารยื
ประเมินเพื่อน
เพื่อนหลายคนก็บ่นว่าอยากกลับบ้านเพราะวันนี้ฝนตกหนักมาก กว่าเรือจะมาแต่ละรำ แต่ทุกคนก้ไปด้วยกันอย่างมีความสุข
ประเมินอาจารย์
อาจารย์มีความอดทนและความเอาใจใส่นักศึกาาทุกคน พานักศึกาาทุกคนเดินทางไปถึงจุดหมายดดยสวัสดิภาพ และคอยถามตลอดทางว่ามีเพื่อนมาครบไหม ใครตกเรือตกรถหรือเปล่าแบบนี้ตลอดการเดินทาง จนเดินทางกลับอาจารย์ก็บอกทางกลับบ้าน
ตอบคำถาม 5 ข้อ
1.การเดินทาง เดินทางไปอย่างไร ใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ผ่านสถานที่ใดบ้าง
ตอบ 1.ขึ้นรถเมลล์หน้ามหาวิทยาลัย
6.50 บาท
2.นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน 25
บาท
3.นั่งเรือคลองแสนแสบ
17 บาท
-รวมค่าใช้จ่าย 48.50 บาท
-ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง (เนื่องจากฝนตกหนัก)
ผ่านถานที่
-วัด
-มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์
-จุฬา ฯ
-สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
-ป้อมปราบศัตรูผ่าย
-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
2.ในศึกษาภัณฑ์มีสื่ออะไรบ้าง แบ่งเป็นกี่ประเภท พร้อมยกตัวอย่างอธิบาย
ตอบ มี 5 ประเภท
1.สื่อเกมการศึกษา เช่น
ชุดภาพต่างๆ หนังสือภาพ หนังสือนิทาน
2.สื่อด้านภาษา เช่น ลำโพง
หนังสือด้านภาษา ชุดคำศัพท์
3.สื่อด้านดนตรี เช่น
เครื่องเคาะจังหวะ
4.สื่อด้านอาชีพ เช่น
ชุดของเล่นเกี่ยวกับแต่ละอาชีพ
5.บล็อคไม้ต่างๆ เช่น
บล็อกไม้ต่างๆ หรือบล็อกที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ
3.สื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยที่เห็นมีอะไรบ้าง
พร้อมยกตัวอย่างว่าสื่อชิ้นนั้นสามารถนำมาใช้จัดกิจกรรมอะไรได้บ้าง จบอกมา 10 อย่าง
ตอบ
1.หนังสือสำหรับเด็ปฐมวัย นำมาสอนหรือเล่านิทานให้เด็กฟัง
2.ลูกโลก นำมาสอนเกี่ยวกับหน่วยการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้
3.จิ๊กซอว์ นำมาให้เด็กเล่น ทำให้เกิดทักษะทางความคิดและมีสมาธิ
4.ลูกบอล นำมาบูรณการได้หลายกิจกรรม เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง
5.ภาพถ่าย สามารถใช้เป็นสื่อสอนในทุกหน่วย
6.ของเล่นชุดอาชีพ นำมาจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน
7.บล็อคไม้ นำมาใช้กับกิจกรรมได้หลายรูปแบบ เช่น ทางคณิตศาสตร์
8.ห่วงยางสี นำมาใช้ในการสอนเรื่องสี
9.แผ่นคำ เช่น สระ พยัญชนะไทย นำมาสอนในหน่วยภาษา
10.หุ่นสัตว์จำลอง นำมาสอนในหน่วยสัตว์
4.สิ่งที่ได้จากการไปศึกษาภัณฑ์และได้รับประโยชน์อะไรจากการไปครั้งนี้
ตอบ ได้ไปในสถานที่ใหม่ๆ แปลกตา ได้ไปเห็นสื่อต่างๆ
ที่มากมายหลายอย่าง และได้รับประโยชน์มากมาย เช่น ได้รู้จักเส้นทางไปในหลายๆ
สถานที่ ได้รู้จักและเห็นสื่อมากมาย
5.ข้อเสนอแนะหรือคะแนน ความพึงพอใจที่อยากจะบอก
ตอบ อยากให้อาจารย์พาขึ้นรถที่ไม่ต้องต่อหลายต่อ
และไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องขึ้นเรือ เพราะหนูไม่ชอบเรือ ไม่ชอบน้ำ ถ้าคะแนนเต็ม 10 หนูให้ 7 เพราะตัดออกตรงพาขึ้นเรือ และสิ่งที่อยากบอก คือ สนุกมากเลยค่ะและได้รู้เส้นทางใหม่ๆ
ในกรุงเทพ เพราะหนูเป็นคนต่างจังหวัด ถึงแม้อาจจะลุยน้ำ
ตากฝนหนักแต่ก็คุ้มค่าและดีใจที่ได้ไปค่ะ
วันที่ 19 เดือน กันยายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์ให้จับกลุ่ทละ 5 คนผลิตสื่อเคลื่อนไหวให้ตัวแทยแต่ละกลุ่มออกมาเอากระดาษและอุปกรณ์ไปทำสื่อภายในคาบเรียน และกลุ่มของพวกเราก็ได้ทำดอกไม้กับผึ้งเคลื่อนไหวได้
ประเมินตัวเอง
รู้สึกสนุกและมีสมาธิในการทำงาน ได้สร้างความสามัคคีในการทำงานร่วมกับผู้อื่นและได้ความรู้จากการผลิตสื่อครั้งนี้ไปใช้ในการเรียนการสอนต่อไปในอนาคตได้
ประเมินเพื่อน
เพื่อนทุกคนดูตั้งใจและร่วมมือกันสร้างชิ้นงานตัวเองให้ออกมาดีที่สุด ได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ จนชิ้นงานสำเร็จทุกคนก็ดีใจ
ประเมินอาจารย์
อาจารย์ได้ทำสื่อให้ดูเป็นตัวอย่างและอธิบายการทำได้ชัดเจน อันไหนทำไม่เป็นเดินไปถามอาจารย์ก็บอกและทำให้จนทำเป็น
วันที่ 10 เดือนตุลาคน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
อาจารย์เปิดตัวอย่างของสื่อในอินเตอร์เน็ตในดูเป็นตัวอย่าง
พร้อมนำตัวอย่างของจริงมาให้ดู และแจกออกอุปกรณ์การทำสื่อ เช่น กาว ตะเกียบ
กรรไกรกระดาษแข็ง สี กระดาษทิชชู วันนี้อาจารย์ให้ทำหนอนขยับได้บนใบไม้
ประเมินตัวเอง
ได้รู้จักวิธีการทำสื่อเพิ่มมากขึ้นและรู้จักเทคนิคการทำสื่อที่หลากหลายวิธี
ประเมินเพื่อน
เพื่อนทุกคนสนใจและตั้งใจทำสื่อมาก
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกับสื่อของตัวเองทำ เพื่อนทุกคนทำสื่อออกมาได้สวยทุกคน
ประเมินอาจารย์
อาจารย์น่ารักและคอยให้คำปรึกษาเวลาที่ทำสื่อไม่ได้
เดินเข้าไปถามอาจารย์ก็จะทำให้ดูจนเราทำได้
วันที่ 17 เดือนตุลาคน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์แจกอุปกรณ์การทำสื่อ เช่น กระดาษ แก้วน้ำกระดาษ ตะเกียบ กาว ปืนกาว กรรไกร กระดาาสี ข้าวสาร ให้มาทำสื่อเครื่องเคาะจังหวะสำหรับเด็กปฐมวัย และสอนวิธีการทำและอธิบายถึงประโยชน์จากสื่อชิ้นนี้และพอทำเสร็จก็ให้เอาอุปกรณ์ที่ใช้เสร็จนำไปคืน เพื่อที่จะมาใช้ต่อในครั้งถัดไป
ประเมินตัวเอง
รู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่ได้ทำสื่อ เพราะไม่เคยทำจนอาจารย์มาสอนก็ได้รู้วิธีทำ สามารถนำไปต่อยอดในหลายๆ วิชาและในอนาคตได้
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆ ทุกคนตั้งใจทำสื่อของตัวเองจนเสร็จ และเพื่อนมีความสุขที่ได้ทำ เพราะทุกคนยังไม่เคยทำ
ประเมินอาจารย์
อาจารยืทำสื่อเป็นตัวอย่างให้ดูเร็วมากปละทำสวย อธิบายและบอกวิธีการทำได้อย่างชัดเจน
วันที่ 31 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2560
ความรู้ที่ดีรับ
วันนี้อาจารย์ให้ทำสื่อชิ้นใหม่
1.ทำดอกไม้จากกระดาษทิชชู
วิธีทำ : ใช้กระดาษทิชชูประมาณ 2-3 แผ่นพับครึ่งตามแนวยาวแล้วพับหรือม้วนใส่ไม้กะเตียบตามอิสระจนเป็นรูปดอกไม้แล้วใช้ผ้าก็อตสีเขียวพันเป็นก้าน
2.ทำดาวจากกระดาษ
วิธีทำ : 1.ตัดกระดาษให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสจำนวน 6 แผ่น
2.พับกระดาษเป็นสามเหลี่ยมแล้วตัดด้านที่เป็นสันให้เป็นเส้นแต่ไม่ให้ขาดจนสุด
3.คลี่กระดาษออกมาแล้วทากาวตามตามคู่ของกระดาษ
ประเมินตัวเอง
ได้มีความรู้และทักษะการทำสื่อเพิ่มขึ้น
รู้สึกตื่นเต้นและสนุกที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต
ประเมินเพื่อน
เพื่อนบางคนก็ทำไม่เป็น
บางคนงงตอนที่ทากาว เพราะตอนที่ทากาวต้องทาสลับกันไปมา แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำจนสำเร็จ
ประเมินอาจารย์
อาจารย์คอยดูนักศึกษาทุกคน เพราะบางคนกำไม่เป็น
คอยให้นำแนะนำและคอยสอนวิธีการทำให้ถูกต้อง
วันที่ 7 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์ให้มาเรียนที่ตึกคณะ ให้เอางานที่ค้างมาทำในห้องให้เสร็จ
ใครเหลือหรือตกค้างอะไรหรือทำเป็นให้เอามาทำในห้องเรียน
ประเมินตัวเอง
รู้สึกดีใจที่อาจารย์ให้เอางานที่เหลือมาทำในห้องได้
ประเมินเพื่อน
เพื่อนบางคนก็ทำ
บางคนก็ไม่ทำ บางคนก็นอนเล่นโทรศัพท์
ประเมินอาจารย์
วันที่ 21 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์ นารท
ศรีละโพธิ์ และอาจารย์ กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
พาไปโรงเรียนบางบัว (เพ่งตรงจิตรวิทยาคาร) ตรงห้ามมหาวิทยาลัยศรีประทุม
ได้ไปสักเกตการเรียนการสอนของเด็กอนุบาลและได้ไปสอนเด็กๆ ทำสื่อการเรียนรู้ในเรื่องง่ายๆ
เช่น สมุดชุดคำศัพท์ ได้ร่วมกิจกรรมในห้องกับเด็กๆ
คุณครูและเด็กทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี มีข้าวต้มมัดและเครื่องดื่มให้กิน
ในการไปสังเกตการณ์เรียนการสอนครั้งนี้ทำให้เห็นถึงตัวเด็กในสภาพความเป็นจริง
เห็นถึงลักษณะพฤติกรรมที่แตกต่างกัน
พัฒนาการที่ไม่เท่ากันถึงแม้อายุจะเท่ากันแต่เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
และได้เห็นเด็กบางคนที่เป็นตัวสะท้อนปัญหาสังคมหลักๆ คือ ปัญหายาเสพติด เพราะเด็กบางคนพ่อแม่ติดยาเสพติด
หรือเสพยาเสพติดให้ลูกเห็น ทำให้เด็กได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและท้างอ้อม
ด้านร่างกายและด้านจิตใจ ภาพที่เห็นคือเด็กนั่งเหม่อลอยไม่สนใจเพื่อน
หรือไม่สนใจร่วมกิจกรรมใดๆ กับเพื่อน ทำให้เราได้เห็นและได้เข้าใจถึงสภาพตัวเด็ก
เข้าใจครูที่สอนว่าต้องทำหน้าที่หนักเพียงใด
ประเมินตัวเอง
ได้รับความรู้ทั้งจากครูผู้สอนและทั้งตัวเองจากภาพที่เห็น
มีทั้งเด็กปกติและเด็กที่ไม่ปกติ วันนี้ได้สอนเด็กที่ไม่ปกติก็ทำให้รู้ว่าเราควรให้ความใส่ใจ
ใช้ความพยายามมากในการสอนเด็กในวัยปฐมวัย รู้สึกมีความสุข ดีใจและได้มีประสบการณ์ในการเรียนนอกห้องเรียนเพิ่มขึ้น
ประเมินเพื่อน
เพื่อนทุกคนดีใจที่ได้ไปโรงเรียนบางบัว
เพราะทุกคนตั้งใจที่จะไปสอนเด็กๆ ทำสื่อและไปให้ความรู้
ไปสังเกตการเรียนการสอนในห้องเรียนจริง
ประเมินอาจารย์
อาจารย์ทั้ง 2
คนดีมากเลยค่ะที่พาลงไปพื้นที่จริง สอนจริง ทำกิจกรรมจริง
ทำให้มีประสบการณ์ละได้รับความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากในห้องเรียน
วันที่ 28 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์นัดส่งสื่อการเรียนทั้งหมดที่ให้ทำ
เพื่อที่จะให้คะแนนและนำไปบริจาคให้สถานที่รับเลี้ยงเด็กหรือตามโรงเรียนอนุบาลต่างๆ
พอตรวจเสร็จและครบทุกคนอาจารย์ให้จัดเป็นนิทัศการณ์สื่อขอเด็กปฐมวัย
ประเมินตัวเอง
วันนี้นำสื่อที่ทำมาส่งอาจารย์
อาจารย์ก็ติชมและให้คำแนะนำไปแก้ไขหรือปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม และให้คะแนนตามชิ้นงาน
ประเมินเพื่อน
เพื่อนทุกคนนำสื่อมาส่ง
สื่อของเพื่อนทุกคนก็สวยต่างกัน
ประเมินอาจารย์
อาจารย์ให้คะแนนยุติธรรมตามสภาพความเป็นจริงของสื่อแต่ละชิ้น
แต่ละคน
วันที่ 12 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2560
ความรู้ที่ได้รับ
ได้มีโอกาสไปบริจาคสื่อที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม
ซ.เสือใหญ่อุทิศ ทั้ง 2
ที่ ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แตดต่างทั้ง 2 ที่
ที่แรกสถานที่คับแคบเด็กๆ ต้องอยู่อย่างแออัดและพื้นที่ไม่เหมาะสม อึดอัด
ไม่มีที่ให้เด็กได้เล่นหรือทำกิจกรรมใดๆ เลย เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย ติดถนน
เสียงดัง สื่อการเรียนการสอนก็ไม่มี ไม่ครบ ที่ที่สองก็ดีกว่าที่แรก
มีอาคารที่รองรับเด็กได้ทุกคนมีสนามให้เด็กได้วิ่งเล่นกิจกรรม
มีสิ่งอำนวยที่ครบและเหมาะสม บุคลากรก็ครบสามารถดูแลเด็กได้ครบทุกคน พอเราเอาสื่อไปบริจาคทางมูลนิธิทั้ง
2 ก็ดีใจและยินดีมาก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
หวังว่าสื่อที่พวกเรามอบให้จะได้นำไปใช้ประโยชน์ได้มาก ถึงแม้การเดินทางจะยากลำบากแค่ไหน
แต่พอเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ก็หายเหนื่อยเลยก็ว่าได้
ประเมินตัวเอง
ประเมินตัวเอง
ดีใจที่ได้มีโอกาสไปบริจาคสื่อให้กับเด็กๆ
เพื่อที่ทางมูลนิธิจะได้นำไปสอนหรือใช้ให้เกิดประโยชน์ รู้สึกร้อน
ปวดขาและเหนื่อยมาก แต่พอเห็นรอยยิ้มของเด็กและการต้อนรับเป็นอย่างดีก็หายเหนื่อย
ประเมินเพื่อน
ระหว่างการเดินทางเพื่อนก็บ่นว่าร้อนว่าเหนื่อย
แต่พอไปถึงทุกคนเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ก็ชื่นใจหายเหนื่อย เพราะเพื่อนทุกคนตั้งใจไป
ประเมินอาจารย์
อาจารย์มีความอดทนและพยายามมาก
เพราะอาจารย์ก็เดินไปเหมือนกับนักศึกษา ไม่บ่นสักคำ ดีใจที่ได้เรียนกับอาจารย์มากๆ
เลยค่ะ เรียนสนุก สบาย เข้าใจง่าย ลงพื้นทีจริงทำให้ได้ความรู้และประสบการณ์จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น